การพัฒนางาน สู่ระบบออนไลน์
ผมเชื่อว่า คนเรานั้นชอบทำงาน มากกว่าเที่ยว มากกว่าทำอะไรเล่นๆที่ไม่ใช่งาน เที่ยวมากๆก็ไม่ไหว ทำอะไรเล่นๆมากๆก็ไม่ไหวแม้ว่าจะเป็นสิ่งที่เราชื่นชอบ เพราะเราจะรู้ว่ามันเป็นการใช้ชีวิตที่สิ้นเปลืองเวลาไม่มีคุณค่า เราจึงหันมาสร้างคุณค่าให้กับสิ่งที่ทำเล่นๆให้เป็นงาน เช่น เที่ยวอย่างมีความรู้ แล้วนำความรู้นั้นมาแบ่งปัน มาสร้างคุณค่าให้กับตนเองให้กับสังคม การเที่ยวก็กลายเป็นงาน และกลายเป็นการได้ทำงานที่ชอบ ชีวิตก็จะถูกเติมเต็ม
การได้ทำงานที่ชอบ ถือเป็นการได้พลังเสริมในการลงมือปฏิบัติ ผลงานจึงออกมาดีกว่าการทำงานที่ไม่ชอบ งานก็ถูกพัฒนาสร้างสรรค์มากขึ้น แต่ในชีวิตจริงเรามักไม่ได้ทำงานที่เราชอบ แล้วจะทำอย่างไร?
ถ้าเป็นองค์กร องค์กรต้องมีคอร์สอบรมเกี่ยวกับ "ทำอย่างไรให้พนักงานรักงานที่ทำมากกว่าคำว่าหน้าที่เพียงอย่างเดียว" ส่วนในรายบุคคลผมมีข้อคิดดังนี้ครับ
วิธีทำให้ชอบงานที่ทำ
ข้อแรก ให้ตั้งคำถามในงานที่เราทำว่า ประโยชน์ของงานที่เราทำนี้มีอะไรบ้าง เช่น เลี้ยงชีพได้ ช่วยเหลือเกษตรกร ช่วยเหลือสังคม ได้ความรู้ พัฒนาได้...ฯลฯ และหาข้อเสียของงานที่ทำในลักษณะเดียวกัน จากนั้นใช้ความคิดว่า งานที่เราชอบงานที่เราฝันอยากจะทำแต่ยังไม่ได้ทำจะให้ประโยชน์เหมือนกันไหม ส่วนข้อเสียของงาน ให้เราเติมความรักเข้าไป เติมความคิดสร้างสรรค์เข้าไป เติมคุณค่าในตัวเราเข้าไป..ผลลัพธ์ออกมามันจะทำให้เรารักงานที่ทำมากขึ้น ไม่นานเราก็จะกล่าวว่า "เรารักงานนี้เข้าแล้ว" ผมกล่าวสั้นแต่ต้องทำอย่างมีแบบแผน
Advertising
การเปลื่ยนแปลงของระบบธุรกิจ
ธุรกิจออนไลน์ เป็นธุรกิจในรูปแบบผู้ชอบคิด ชอบสร้างสรรค์ ในอดีตคุณอาจมีไอเดียมากมายอยากจะทำธุรกิจ แต่ต้องประสบกับปัญหาพื้นฐาน เช่น ไม่มีทุน ทุนไม่พอ ไม่มีเส้นสายในทางการเมือง ไม่มีเครือญาติในทางธุรกิจ ถูกกีดกันจากนายทุนใหญ่ ฯลฯ แต่ต่อไปนี้ สิ่งที่กล่าวมา จะไม่มีผลต่อการดำเนินธุรกิจแล้วและที่มากกว่านั้นคุณสามารถทำธุรกิจไปได้ไกลทั่วโลกอย่างไม่มีขีดจำกัด นอกจากนั้นคุณยังสามารถทำให้ยักษ์ใหญ่ผวาไปกับวิธีการตลาดของคุณได้อย่างไม่ยาก ผมคาดว่าในเวลาไม่ถึงสิบปี ห้างใหญ่ๆเช่น บิ๊กซี โลตัส โฮมโปร โฮมมาร์ท ฯ จะต้องเปลื่ยนรูปแบบโครงสร้างบางอย่าง หรืออาจจะยุบไปเลยก็ได้เมื่อเจอกับนักการตลาดออนไลน์ที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งอาจจะเป็นคุณก็ได้
แนะนำงานสำหรับผู้ที่อยากทำธุรกิจบนอินเทอร์เน็ต
คุณรู้ไหมว่า..โลกอินเทอร์เน็ต จะเปลื่ยนสมองมนุษย์ ผมคาดว่าในอีกไม่เกินห้าสิบปี มนุษย์เราจะมีแนวคิดที่คล้ายกันมากขึ้นมีความแตกต่างกันน้อยลง ดูอย่างทุกวันนี้ บ้านไหนมีอินเทอร์เน็ตบ้านนั้นเล่นเฟสบุค บ้านไหนทำธุรกิจบ้านนั้นมีทั้งเว็บไซด์ทั้งเฟสบุคแม้แต่พนักงานระดับบริหาร ก็เริ่มมองหาโอกาสที่จะทำธุรกิจของตัวเองบนอินเทอร์เน็ต...หลายสิ่งหลายอย่างจะใช้ถนนอินเทอร์เน็ตเชื่อมต่อสื่อสารกัน ต่อไปการพบปะกัน สังสรรกันในรูปแบบเดิมๆจะน้อยลง วิธีการขายแบบเดิมๆจะถูกนำมาประยุกต์ให้มีคุณภาพมากขึ้น เช่นเมื่อคุณคลิกเลือกดูรองเท้าคุณจะพบกับภาพสดๆของพนักงานขาย พร้อมตอบคำถามคุณได้ทันที
คุณอาจจะได้สังสรรหรือจัดงานเลี้ยงกับเพื่อนๆโดยไม่ต้องออกจากบ้าน เพียงใช้บริการทางอินเทอร์เน็ต
เมื่อได้เวลางาน อาหารก็จะถูกเสริฟลงตรงหน้าคุณบนโต๊ะในห้องจัดเลี้ยงที่บ้านพร้อมก้บภาพเพื่อนๆทุกคนในจอสามมิติที่มีอาหารที่เหมือนกัน และพูดคุยกันได้โดยไม่ต้องพิมพ์ข้อความ ทุกการเคลื่อนไหวของเพื่อนร่วมโต๊ะจะแสดงให้เห็นหมด บางคนอาจจะถูกทักว่า แฟนนายเข้าห้องน้ำนานจัง..ช่วงนี้เธออ้วนขึ้นนะ..ภาพที่ผนังห้องนายสวยจังได้มาจากไหน..และไม่ต้องคิดเลยว่าจะไม่มีอะไรแปลกๆในบริการในรูปแบบนี้
ผมหมายถึงต่อไปคุณไม่ต้องดูคลิปวีดีโอแล้ว..ว๊าวว! ดูสดๆดีกว่า
เพราะการแสดงรายการสดๆ จะให้ผลดีกว่าในรูปวีดีโอ เพราะมันแสดงว่า ผลิตภัณฑ์ตัวนั้นทำได้จริงไม่ได้เกิดจากตัดแต่งภาพ
สมองเปลื่ยนได้อย่างไร
หลายสิ่งหลายอย่าง หลายพฤติกรรมได้ถูกเปลื่ยนแปลง อันเกิดจาก อินเทอร์เน็ต นั่นคือ อินเทอร์เน็ตเป็นโลกแห่งใหม่ของชีวิต มนุษย์ทุกคนสามารถสร้าง/ขาย ความคิดต่างๆได้โดยไม่มีขีดจำกัด อินเทอร์เน็ตจึงทำให้สมองของมนุษย์ตื่นตัวสมองที่ยึดติดเรื่องเดิมๆจะค่อยๆถูกเปลื่ยนตามระบบอินเทอร์เน็ต ความคิดใหม่ๆจะพลั่งพลูออกมาอย่างต่อเนื่อง นี่หละคือ การเปลื่ยนแปลงของสมอง
การตลาดออนไลน์ จะทำให้สมองของคุณเคลื่อนไหวมากขึ้น
การพัฒนางาน 2/2
Advertising