2.กล้องวงจรปิด ช่วยให้ผู้ไม่ประสงค์ดีภายนอกบางคนไม่กล้าบุกรุก
3.กล้องวงจรปิดทำให้ผู้เช่าที่ไม่ดีไม่กล้ากระำทำผิด หากกล้าทำก็จะถูกจับได้ ด้วยการดูย้อนหลัง
4.กล้องวงจรปิด ทำให้ผู้เช่ารู้สึกสบายใจในความปลอดภัย ในระดับที่ดีกว่าไม่มีกล้องวงจรปิด..หากไม่มีกล้องวงจรปิด เมื่อเกิดเรื่องพวกเขาก็จะถามหากล้องวงจรปิด แม้ว่ากล้องวงจรปิดไม่อาจจับคนร้ายได้..แต่ผู้เช่าก็ยอมรับว่า ผู้ให้เช่าให้ความใส่ใจในความปลอดภัยของผู้เช่าในระดับหนึ่งแล้ว.. ไม่ใช่อยู่ตามยถากรรม
5.กล้องวงจรปิด ทำให้ความสะอาดเกิดขึ้น เนื่องจากกล้องวงจรปิดทำให้เรารู้ว่าใคร เป็นผู้ทำเลอะเทอะ ใครชอบทิ้งขยะไม่เป็นที่เป็นทาง.. 

การเลือกหาซื้อกล้องวงจรปิด
เนื่องจากผมไม่มีความรู้เรื่องกล้องวงจรปิด(CCTV)และกล้องวงจรปิดที่มีขายตามท้องตลาดได้ทำให้ผมสับสนในเรื่องคุณภาพที่เหมาะสมกับราคา.. บ้างเสนอราคาสูงโดยบอกว่าเสป็คดีกว่า.. บ้างเสนอราคาต่ำโดยไม่บอกว่าเป็นสินค้าเกรดไหน?.. ผมจึงตะเวนหาข้อมูล และนำมาแบ่งปันโดยมีเนื้อหาดังนี้..
-การเลือกกล้องให้เหมาะกับตำแหน่งที่ติดตั้ง
หากเราไม่แจ้งความประสงค์ว่า ต้องการจะดูภาพในระยะพื้นที่เท่าไหร่ เราก็อาจจะได้กล้องที่ไม่เหมาะสมกับภาพที่ต้องการดู เช่นดูในระยะที่ใกล้ 10-15เมตร ก็ควรจะเป็นกล้องที่มีขนาดเลนส์4มิลหรือ6มิล ซึ่งจะให้พื้นที่ภาพกว้างและภาพในระยะใกล้  หากต้องการภาพในระยะไกลพื้นที่ในการดูก็จะแคบลง เช่นดูทางเดินระหว่าห้องเช่ากว้างประมาณ2เมตรยาว/ลึก40 เมตร ควรจะใช้เลนส์12มิล เป็นต้น ราคาเลนส์(1/3 SONY/CCD)เท่ากันหมดครับ ถ้าเป็นเลนส์ CMOSมีคนแนะนำมาว่าไม่ควรใช้เนื่องจากอายุการใช้งานสั้นเพียง1-2ปี แต่ถ้าเป็นเลนส์ CCD อายุการใช้งานนานกว่า7ปี

ภาพโจรคนร้ายนี้ได้มาจากกล้อง ความคมชัดที่ 600TVL ในระยะ 3-4เมตร 

-การเลือกความคมชัด
ความคมชัดที่ 480TVLในระยะใกล้ผมว่า OK.ครับ(สำหรับภาพรวมๆ)หรือจะใช้ 600-750TVLก็ได้แล้วแต่ปัจจัย เพราะความคมชัดจะดูที่ค่าTVL  ค่าTVLยิ่งสูงยิ่งมีความคมชัดมากและราคาก็จะสูงตาม 

อย่างไรก็ตามการจัดกล้องให้ได้ภาพที่คมชัด ไม่ได้ขึ้นอยู่กับ ค่าTVL เพียงอย่างเดียว แสงหรือความสว่างที่พอดี จะทำให้เห็นภาพที่ไม่ผิดเพี้ยนทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่า เจ้าของต้องการภาพในระดับใด ซึ่งในเวลากลางคืนอาจต้องเพิ่มแสงสว่างให้เพียงพอ หรืออาจเปลี่ยนทิศทางแสงสว่าง.. และสายสัญญาณที่ไม่ได้มาตรฐานก็เป็นต้นเหตุของภาพที่ไม่ชัดเจนได้เช่นกัน

-การเลือก DVR หรือ เครื่องรับสัญญาณการบันทึกภาพ
เราจะมีปัญหาตามมาแน่นอน หากไม่วางแผนในการวางตำแหน่งกล้องไว้ เช่น 
ถ้าเราคิดว่าจะติดตั้งกล้อง 8 จุด ก็ก็ควรจะเลือกDVR 8 CH..แต่ในอนาคตถ้าเราต้องการจะเพิ่มเราก็ควรเลือกซื้อDVR 16 CH ก็ได้ (ราคาก็ต้องเพิ่มอีก) และเมื่อต้องการติดตั้งกล้องเพิ่มก็ติดตั้งได้เลยเพียงซื้อกล้องที่ต้องการ+ค่าสาย+ค่าแรง
หมายความว่า..หากจำนวนช่อง(CH)ของDVR(เครื่องรับสัญญาณ)เต็ม เราจะไม่สามารถเพิ่มกล้องใหม่ได้ เว้นแต่จะซื้อDVRเพิ่มอีกเครื่อง ทำให้กินพื้นที่และดูภาพในหน้าจอเดียวกันกันไม่ได้ ต้องอยู่อีกช่องหรืออีกจอ
ราคาของ DVR ขึ้นอยู่กับรุ่นและขนาดของช่องที่รองรับ เช่น DVRเสปคเดียวกันราคา16CHจะแพงกว่า8CH ... ที่ผมซื้อมาแบบ8ch ดูระบบ D1ได้ทั้ง8ช่อง รองรับการดูผ่านเน็ต ผ่านมือถือ ราคา xxxxบาท พร้อม ฮาร์ดดิส 1T
การเลือกสายนำสัญญาณ
เนื่องจากผมใช้ระยะทางเดินสายยาวถึง150-200 เมตร จึงเลือกสายRG6เกรดสูงสุดเท่าที่มีขายในท้องตลาด แบบมีสลิงในตัว สีดำ ซิล 168 เส้นหรือ95% ป้องกันการรบกวนสัญญาณสูง อาจใช้สายLand เดินแทนสายRG6ในบางจุด และหากต้องเดินสายหลายเส้น ระยะทางไกล เช่น300เมตร ควรจัดวางแผนการใช้สายสัญญาณให้ชัดเจน ซึ่งจะทำให้สะดวกในการเดินสายและลดค่าใช้จ่ายได้

 -ราคาสินค้า ตามมาตรฐาน
สินค้าส่วนใหญ่ที่ผมรู้จัก ล้วนมาจากจีน หลากหลายี่ห้อ การที่จะเลือกยี่ห้อใดนั้นควรคำนึงถึงการให้บริการด้านกล้องวงจรปิดมานานเพียงใด สถานที่ติดต่อน่าเชื่อถือหรือไม่  เทียบการรับประกัน และเทียบราคาสินค้าในเสป็กเดียวกัน เลือกให้ดีก็จะได้ราคาถูก ส่วนค่าแรงก็อยู่ราวๆ 700-1000บาทต่อจุด

***ปัญหากล้องวงจรปิดมักเกิดขึ้นมีดังนี้***
1.ภาพกล้องไม่คมชัด
2.สัญญาณภาพหาย
3.ตัวเครื่องรับสัญญาณภาพ หรือ DVR เสีย
ดูวิธีแก้ไข..คลิกที่นี่

ผมยังติดตั้งไม่เสร็จ.. โจรก็มาทดสอบก่อนเสียแล้ว เป็นกล้อง 600TVL เลนส์10mm.ระยะทาง 25 เมตร

ใหม่ กล้องวงจรปิด ระบบดิจตอล
ปัจจุบัน เมื่อเดือนตุลาคม 2561 ผมได้เปลี่ยนจากกล้องระบบเดิม(อนาลอค)มาเป็นกล้องดิจิตอลทั้งชุด (11ตัว)พร้อมเปลี่ยนเครื่องรับใหม่(DVR) ผลแจ่มชัดมากครับ
ตอนที่เปลี่ยนนั้น พอดีบริษัทที่ขายมีโปรโมชั่น "เก่าแลกใหม่" รับเปลี่ยนกล้องเก่า จากราคาขายปกติ1200-800บาท/ตัวเหลือ200บาท รุ่นตามรูป